แม้ว่าจะมีการกล่าวอ้างถึงข้อดีและประโยชน์อีกมากมายใน Ubiquinol และ ยูบิควินอล - เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่นับว่ามีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมากอีกทั้งยังมีดีต่อด้านสุขภาพ

มีการศึกษาในปี 2013 ปรากฏในวารสารด้านโภชนาการการกีฬาสมาคมระหว่างประเทศโดยนักวิจัยชาวเยอรมันแสดงให้เห็นการเปรียบเทียบกลุ่มนักกีฬาที่เสริมด้วย ubiquinol เป็นเวลาหกสัปดาห์มีผลพัฒนาการที่สำคัญในการแข่งขันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มนักกีฬาที่ไม่ได้เสริม

ซึ่งความเป็นจริงนักกีฬาที่ฝึกฝนอย่างหนักนั้นเหนื่อยมากเมื่อใกล้วันแข่ง แต่พวกเค้าสามารถเพิ่มพลังงานได้ถึง 2.5 % ในช่วงหกสัปดาห์ก่อนการแข่งขัน

"ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นการเสริม ubiquinol ยูบิควินอล ในชีวิตประจำวันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายอย่างมีนัยสำคัญซึ่งวัดได้ว่าเป็นพลังงานเพิ่มถึง 2.5% เมื่อเทียบกับยาที่ให้หลอกในนักกีฬาโอลิมปิคเยอรมันที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี"

นักวิจัยกล่าวว่า "ผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอหรือผู้ที่ออกกำลังกายเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ก็ได้รับประโยชน์จากการได้รับ CoQ10 ยูบิควินอล มากขึ้นและยังช่วยลดจำนวนผู้สูงอายุได้ด้วย

ยูบิควินอล (Ubiquinol) คือ แร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยถือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของโคเอนไซม์คิวเทน (CoQ10) ที่มีความเข้มข้นกว่าโคเอนไซม์คิวเทนชนิดทั่วไป เนื่องจากบทบาทสำคัญของ ubiquinol คือการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกาย เพื่อที่จะนำมาใช้ป้องกันความเสียหายให้กับเซลล์ จากปฏิกิริยาภาวะความเครียดออกซิเดชัน

Ubiquinone และ Ubiquinol ขึ้นอยู่กับรูปแบบโครงสร้าง (ฟอร์ม)ของ CoQ10 โครงสร้างทั้ง 2 นี้ต่างกันอย่างไร?

Ubiquinone เป็นที่รู้จักในอาหารเสริมมากกว่า 30 ปีที่ผ่านมาและในรูป CoQ10 เป็นที่คุ้นเคยกับผู้บริโภค

ในขณะที่ ubiquinol เป็นที่รู้จักกันน้อยมากทั้งที่จริงแล้วมีคุณค่ามากกว่าแค่หนึ่งในฟอร์มของ CoQ10 - เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งคล้ายวิตามิน ซึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เอง รวมทั้งได้รับจากอาหารด้วย CoQ10 ถูกใช้โดยเกือบทุกเซลล์ของเราในกระบวนการหายใจและผลิตพลังงานให้แก่เซลล์ ช่วยให้เซลล์เจริญเติบโตและป้องกันเซลล์เสียหาย ช่วยชะลอกระบวนการชรา รวมถึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ที่ร่างกายลดระดับ CoQ10 ลงเมื่ออายุมากขึ้นและลดลงเพิ่มในผู้ป่วยที่เป็น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน โรคเอดส์ โรคพาร์กินสัน เป็นต้น แหล่ง CoQ10 ที่พบได้ในอาหารธรรมชาติเช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เครื่องในสัตว์เช่น ตับ หัวใจ เนื้อแดง เมล็ดธัญพืช เป็นต้น

ดังนั้น Ubiquinone เป็นฟอร์มปกติของ CoQ10 ซึ่งเมื่อร่างกายรับเข้าไปแล้วจะต้องถูกเปลี่ยนเป็น Ubiquinol จึงจะนำไปใช้ได้ โดยปกติ CoQ10 ที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปจะเป็น Ubiquinone เนื่องจากมีราคาถูกกว่า ส่วน Ubiquinol เป็นฟอร์มที่ร่างกายดูดซึมได้ง่าย และสามารถนำไปใช้งานได้เลย แต่หาซื้อได้ยากเพราะมีราคาแพง หากรับประทานเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แนะนำขนาด 30-200 มิลลิกรัมต่อวัน โดยรับประทานพร้อมอาหาร ชนิด soft gel จะดูดซึมได้ดีกว่าชนิดอื่น

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ปวดศีรษะ ผื่น แต่มักมีอาการเพียงเล็กน้อย ไม่รุนแรง หากรับประทานเกิน 100 มิลลิกรัมต่อวัน อาจเกิดการนอนไม่หลับในบางราย หากรับประทานเกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจพบการเพิ่มขึ้นของเอนไซม์ตับ ไม่ควรรับประทานเกิน 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน

ไม่ควรทานในผู้ที่รับประทานยา warfarin เพราะอาจมีผลลดระดับยา warfarin 

ควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือฉายแสง เพราะ CoQ10 อาจมีผลลดประสิทธิภาพการรักษาของยาเคมีบำบัดหรือฉายแสง ไม่แนะนำในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรเนื่องจาก ยังไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์รับรองอย่างเพียงพอ

 

References:

 

1. http://www.jissn.com/content/10/1/24#

2. http://www.webmedcentral.com/article_view/2347

3. http://www.kanekaqh.info/wu_ubiqvsubiq.htm

---

แนะนำผลิตภัณฑ์

น้ำมันปลา โอเมก้า3     คิวเอช อัลตร้า