เชื้ออีโบลาติดต่ออย่างไรกันแน่?

     ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้ออีโบลา ผ่านแอฟริกากลาง และตะวันตก ซึ่งได้คร่าชีวิตคนไปถึง 1,069 คน และผู้ติดเชื้ออีกมากกว่า 2,000 คน และเมื่อความตายจากการติดเชื้อไปเยือนถึงชาวมะกันในไนจีเรีย เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จึงเป็นที่น่าตื่นตระหนกว่าเชื้อนี้มีโอกาศแพร่ระบาดข้ามพรมแดนระหว่าง ประเทศได้ ด้วยพาหะจากผู้เดินทางโดยเครื่องบิน 
เชื้ออีโลลาจึงถูกเฝ้าระวังว่าเป็น "มหันตภัยระบาดที่ไม่เพียงคร่าชีวิตคน แต่กระทบถึงสังคม และเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ผู้อำนวยการขององค์การอนามัยโลก (WHO) มาร์กาเร็จ จัน (Margaret Chan) ได้ออกมายอมรับถึง การระบาดนี้ว่ามีการคลื่อนไหวเร็วกว่า ความพยายามที่จะควบคุมได้
และเมื่อ 31 กรกฏาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโอบามาก็ได้ลงนามการแก้ไขบัญชีรายชื่อของโรคติดต่อซึ่งต้องมี การกักบริเวณ (Quarantinable Revised List of Quarantinable Communicable Diseases) เพื่อให้กฏหมายครอบคลุมการกักตัวผู้ที่แสดงอาการของโรคระบบทางเดินหายใจไม่ ให้ออกจากบริเวณพื้นที่เสี่ยงได้

จุดเริ่มต้นของอีโบลา
     ไวรัสอีโบลาระบาดเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1976 ที่แอฟริกา ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา เป็นโรคจากไวรัสชนิดเฉียบพลัน และรุนแรง กระจายโดยค้างคาว และลิงในป่า การระบาดมีมากที่แอฟริกันกลาง และตะวันตก อันเนื่องมาจากการล่าสัตว์ และการรับประทานเนื้อสัตว์ป่าของคนบริเวณนั้น หลังจากนั้นจึงเกิดการระบาดจากคนสู่คน
ไวรัสอีโบลาประกอบด้วย 5 สายพันธ์ 3 สายพันธ์ในนั้นคือสาเหตุของการระบาดในมนุษย์ ณ เวลานี้ แต่ข่าวดีก็คือ ไวรัสอีโบลาไม่เหมือนกับไวรัสชนิดอื่นที่มักมีการกลายพันธ์ การติดเชื้ออีโบลาเวลานี้ มีลักษณะเช่นเดียวกับที่เคยระบาดเมื่อครั้งแรก กล่าวโดย ”. ดร. ไมเคิล ออสเทอร์โฮล์ม (Dr. Michael Osterholm) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ ( biosecurity) และอธิบดีของศูนย์เพื่อการวิจัยโรคติดเชื้อและนโยบาย (Center for Infectious Disease Research and Policy) ที่มหาวิทยาลัยมินนิโซตา (University of Minnesota)
สิ่งนี้อาจแสดงให้เห็นว่า ความรุนแรงของการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา ไม่ได้เกิดจากตัวเชื้อ แต่หากเกิดเนื่องจาก การระบาดเกิดในพื้นที่ที่มีพื้นฐานระบบสาธารณสุขที่ไม่ดีนัก ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อได้ง่าย รวมถึงภูมิคุ้มกันที่ไม่สามารถต่อสู้กับไวรัสได้

อีโบลาติดต่ออย่างไรกันแน่

     การติดเชื้อส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นผลมาจากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือของเหลวจากร่างกายของผู้ติดเชื้อ 
ระยะฟักตัว ภายหลังการรับเชื้อ ส่วนใหญ่มีอาการ 2-21 วันกับ 8-10 วัน
บางแหล่งข่าว ให้ข้อมูลว่าอีโบลาไม่ติดต่อผ่านทางอากาศเหมือนไข้หวัดและโรคระบบทางเดิน หายใจอื่น ๆ ดังนั้นการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อในพื้นที่สาธารณะ จึงไม่น่าติดเชื้อได้ 
และนี่ก็เป็นมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบเชื้อไวรัสอีโบลาในปี 1976 ศาตราจารย์ปีเตอร์ ไพล็อต (Professor Peter Piot) , ผู้อำนวยการโรงเรียนในกรุงลอนดอนของสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อน (Director of the London School of Hygiene and Tropical Medicine)

มีแหล่งข่าวที่ ไม่เห็นด้วยกับมุมมองนี้! 
ดร. ดีเร็ก แก็ทเทอร์ (Dr. Derek Gatherer) จากมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ (University of Lancaster) กล่าวว่า “ เชื้อไวรัสอีโบลา ก็คือเชื้อไข้หวัด ซึ่งทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินลำเดียวกับผู้ติดเชื้อ ก็มีโอกาสได้รับเชื้อ และเป็นการง่ายที่จะติดต่อ ". 

จากการศึกษาปี 2012 ตีพิมพ์ในวารสาร journal Nature อาจสนับสนุนมุมมองของเขาโดย นักวิจัยค้นพบว่า อีโบลาได้แพร่จากกรงสุกรไปที่กรงของลิงแสมอีกกรงหนึ่งโดยไม่ผ่านการสัมผัส โดยตรง แม้การติดต่อจะไม่ได้เกิดจากการส่งผ่านทางอากาศ แต่ไอน้ำที่ปนเปื้อน ( contaminated fluid vapour) หรือ หยดน้ำขนาดเล็กที่ปนเปื้อน ( micro-droplets) จากการไอและจาม อาจเป็นคำอธิบายที่ใกล้เคียงที่สุดของการติดเชื้อข้ามกรงนี้ครั้งนี้

การสันนิษฐานนี้เป็นเพียงความเป็นไปได้เท่านั้น ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นข้อเท็จจริง และอย่างไรก็ตาม เราไม่อาจสรุปการทดลองนี้ได้ จากการทดลองในสัตว์

อาการ และการวินิจฉัย 

     อาการของการติดเชื้อมักเกิดอย่างฉับพลัน โดยแสดงในรูปไข้หวัด อ่อนเพลียรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อปวดหัวและเจ็บคอ ตามมาด้วยการอาเจียน ท้องเสีย ผื่น ตับและไตบกพร่อง และในบางกรณีอาจมีเลือดออกทั้งภายในและภายนอก 
ความท้าทายของการวินิจฉัยการติดเชื้ออีโบลา ก็คือการที่อาการดังกล่าวคล้ายกับการติดเชื้อไข้เลือดออก หรือติดเชื้อไวรัสอื่นๆ 
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการตรวจอย่างเป็นมาตรฐานที่ชัดเจนซึ่งสามารถตรวจวิเคราะห์ว่าเป็นการ ติดเชื้ออีโบลา ได้ถูกอธิบายไว้ใน กองควบคุมโรค และการป้องกัน (Centres for Disease Control and Prevention; CDC) อย่างชัดเจนแล้ว

ไข้หวัดอีโบาโอกาสตาย หรือรักษาหายมากกว่ากัน?

     บางแหล่งข่าวอ้างว่าอัตราการตายของผู้ที่ได้รับเชื้ออีโบลานี้สูงถึง 90%" ซึ่ง จนถึงขณะนี้เราพบสภาวะการตายนี้ที่แอฟริกากลาง และตะวันตกเท่านั้น ที่ซึ่งมาตรฐานสุขอนามัย สิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์และการรักษาอยู่ในระดับต่ำ 
ดูเหมือนกับว่า โอกาสความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัส นั้นเกิดขึ้นจาก สภาวะสุขภาพของระบบภูมิคุ้มกันของผู้ได้รับเชื้อ หรือความสามารถของภูมิคุ้มกันที่จะต่อสู้กับโรค และโอกาสหาย ก็ยังขึ้นอยู่กับสุขาภิบาลทางการแพทย์ โครงสร้างพื้นฐานสาธารณสุข และการเข้าถึงของแพทย์ 

ขณะนี้วัคซีนได้ถูกคิดค้นขึ้นมา แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตทางคลินิกที่ปลอดภัย
หมอชาวอเมริกัน 2 คนผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะ 'อีโบลา' ขณะที่ทำงานช่วยผู้ป่วยในประเทศไลบีเรีย และถูกรับตัวกลับมารักษาในสหรัฐฯ สามารถออกจากโรงพยาบาลในเมืองแอตแลนตาได้แล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังการได้รับการทดลองใช้ยาซีแมปป์ จึงมีผู้เรียกร้องต่อ WHO ให้เปลี่ยนแปลงแนวทางในการใช้ยานี้ได้อย่างกว้างขวางทันที โดยไม่ต้องผ่านการรอทดสอบในมนุษย์อีก

จะป้องกันการติดเชื้ออีโบลาอย่างไร

การให้ความรู้ถึงถึงวิธีการติดเชื้อ และตระหนักถึงการป้องกันการติดเชื้อนั้นมีมากที่แอฟริกา และบริเวณเสี่ยง อย่างไรก็ตาม 
ในท้ายที่สุดเราทุกคนล้วนมีส่วนต้องรับผิดชอบ สำหรับการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ อันได้แก่

• การเดินทางไปยังพื้นที่ที่ติดเชื้อ 
• ป้องกันการติดต่อกับคนที่ติดเชื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสารคัดหลั่งจากร่างกายผู้ติดเชื้อ
  
• ไม่ใช้สิ่งของ อย่างเสื้อผ้า จานชาม ร่วมกับผู้ติดเชื้อในบ้าน 
  
• รักษาสุขอนามัยทั่วไป (เช่นล้างมืออย่างสม่ำเสมอ) 
  

เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และสุขภาพโดยทั่วไป 
     เมื่อความรุนแรงของไวรัสเกิดขึ้นเพราะระบบภูมิคุ้มกัน ของผู้ได้รับเชื้อไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้เพียงพอ แทนที่จะตกใจกับข้อมูลใด ๆ ที่อาจสื่อออกมาให้เข้าใจผิดได้ ควรลดปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อโดยคำนึงถึงการดำเนินชีวิตที่สมดุล และเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันของคุณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

การเสริมอาหารทุกวันด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความต้านทานของคุณต่อเชื้อโรคทั่วไป
โปรดจำไว้ว่า คุณอาจสัมผัสกับเชื้อจากใครก็ตาม ที่แม้จะดูเหมือนไม่ใช่ผู้ติดเชื้อ (แต่อาจอยู่ในระยะฟักตัวที่ติตต่อได้) ดังนั้นโปรดใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสม หากมีข้อสงสัยกรุณาปรึกษากับแพทย์ 

ที่มาข้อมูล Xtend-life.com